บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2019

ลิงค์คลิปโครงงานIS

https://youtu.be/xL_DqpGQkm0

ดอกไม้ประจำชาติฝรั่งเศส

รูปภาพ
ดอกไม้ประจำชาติฝรั่งเศส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ( Republique Francaise) :ดอกเนชันแนลฟลอร่า หรือ ไอริส                 เนชันแนลฟลอร่าของฝรั่งเศสคือดอกไอริส ความหมายของดอกไอริสค่อนข้างดีทีเดียว คือ ความเชื่อมั่น ปัญญา ความองอาจกล้าหาญ และถ้าหากมอบดอกไอริสให้กับใคร จะมีความหมายโดยนัยแฝงไว้ด้วยค่ะ ว่าความรู้สึกหรือมิตรภาพของคุณมีความหมายกับฉันมากเหลือเกิน   ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีปยุโรป อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศเบลเยียมและลักเซมเบิร์ก ทางทิศตะวันออกติดกับประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ทางทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ส่วนทางทิศใต้ติดกับประเทศสเปน อันดอร์รา และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศสมีพื้นที่ของประเทศประมาณ 675,417 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 65.9 ล้านคน มีเมืองหลวงชื่อว่า กรุงปารีส ภูมิอากาศของประเทศโดยทั่วไปในช่วงฤดูหนาวก็ไม่หนาวมาก และฤดูร้อนอากาศเย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก รองลงมาคือ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตส...

วัฒนธรรม ในประเทศฝรั่งเศสและสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ

วัฒนธรรม ในประเทศฝรั่งเศสและสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น สิ่งที่ควรทำ – ไม่ควรทำ 1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น กล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอ”เครอ”วัว (Au revoir)  ที่แปลว่า ลาก่อน และกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้ 2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง 3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่า”การ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรีย...

น้ำหอม

รูปภาพ
น้ําหอมฝรั่งเศส 7 อันดับ ถ้าไม่ซื้อกลับไปเสียใจแน่ๆ 580 SHARES  By  Editor.Mushroom Travel โพสเมื่อ    26 พ.ค. 2560 ฝรั่งเศส ประเทศที่ได้ฉายาว่าเป็น “ดินแดนน้ำหอม” ที่นี่คือแหล่งผลิตน้ำหอมที่ใหญ่ที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในยุโรปมานับตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งแหล่งผลิต น้ําหอมฝรั่งเศส ที่สำคัญของประเทศหลักๆนั้น จะอยู่ที่เมือง Grasse ในแคว้น Provence ค่ะ ที่เริ่มการผลิตน้ำหอมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยน้ำหอมที่ขึ้นชื่อของเมืองที่คนส่วนใหญ่ต่างรู้จักเป็นอย่างดีก็ได้แก่ยี่ห้อ Dior และ Chanel นั่นเอง ซึ่งหากใครมีโอกาสได้ไปเยือนที่นี่ เขาก็มีการเปิดโรงงานผลิตน้ำหอมให้ชมกันด้วยค่ะ รวมทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์น้ำหอมเมืองกราสส์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวัฒนาการผลิตน้ำหอมนับตั้งแต่ช่วงแรกกระทั่งถึงปัจจุบันด้วย ส่วนถ้าใครถามว่าถ้าอยากซื้อ น้ำหอมฝรั่งเศส ควรจะซื้อน้ำหอมยี่ห้อไหนดี หรือมีกลิ่นไหนที่น่าหิ้วกลับเมืองไทยได้บ้าง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ แต่ถ้าจะให้แนะนำน้ำหอมแบรนด์ฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคนี้ ก็ได้แก่ 7 อันดับดังต่อไป...

บุคคลสำคัญในฝรั่งเศส

รูปภาพ
บุคคลสำคัญในฝรั่งเศส     หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) ( พ.ศ. 2365-2395) นักวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยา เกิดที่เมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเบซากองและมหาวิทยาลัยปารีส ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่สตราบวร์ก ลิลล์ และมหาวิทยาลัยปารีส และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์สาขาเคมีที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ในปี พ.ศ. 2410 ปาสเตอร์เป็นผู้แถลงว่าการเน่าและการหมักเกิดจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ ปาสเตอร์ได้ค้นพบปรากฏการณ์นี้ในระหว่างการศึกษาว่าเหตุใดเหล้าองุ่นจึงเสีย รสขณะบ่ม แต่เมื่อนำเหล้าองุ่นไปอุ่นให้ร้อนแล้วจึงป้องกันไม่เหล้าองุ่นกลายเป็นน้ำ ส้มสายชูได้ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ต่อมาได้พัฒนาเป็นการฆ่าเชื้อวิธีปาสเตอร์ (Pasteurization) การค้นพบนี้ทำให้สาขาวิชาจุลชีววิทยาโดดเด่นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว               การทดลองที่มีชื่อเสียงของปาสเตอร์เมื่อปี พ.ศ. 2424 ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแกะและวัวที่ได้รับการฉีด “วัคซีน” ที่ทำจากเชื้อจุลินทรีย์บาซิลลิ ซึ่งเป็นเป็นสมติฐานของโรคแอนแทรคที่ถูกทำให้อ่อนจางลงของเขา สาม...

อนุสัญญาcites

รูปภาพ
อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์  ( อังกฤษ :  Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora ) หรือเรียกโดยย่อว่า  ไซเตส  ( CITES ) และเป็นที่รู้จักในชื่อ  อนุสัญญากรุงวอชิงตัน  (Washington Convention) เป็น สนธิสัญญา ซึ่งเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ในปี พ.ศ. 2516  สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ  (IUCN) ได้จัดการประชุมนานาชาติขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อร่างอนุสัญญาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม 88 ประเทศ แต่มีผู้ลงนามรับรองอนุสัญญาฉบับนี้ทันทีเพียง 22 ประเทศ สำหรับ ประเทศไทย ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย แต่มาลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518 และให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526 นับเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ปัจจุบัน ไซเตสมีภาคีทั้งสิ้น 183 รัฐ เป้าหมายของไซเตส คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคาม ทำให้ปริมาณร่อยหรอจนอาจเป็นเหตุให้สูญพันธุ์ วิธีการอนุรักษ์กระทำโดยการสร้างเครือข่ายทั่วโล...